Search

มอร์นิ่งสตาร์ เผย สิงคโปร์-ฮ่องกง เป็น2ใน26ตลาดที่ไม่เก็บภาษีกองทุนรวม - efinanceThai

koi.prelol.com


  มอร์นิ่งสตาร์เปิดเผยรายงานผลการศึกษาประสบการณ์การลงทุนในด้าน Regulation and Taxation ของอุตสาหกรรมกองทุนทั่วโลก พบว่ามีการใช้กฎเกณฑ์อย่างเพียงพอแต่โดยทั่วไปยังไม่เป็นการบังคับใช้แบบเชิงรุก

  ประเทศเนเธอร์แลนด์ สวีเดน และสหราชอาณาจักรได้คะแนนระดับ Top ในการศึกษาหัวข้อกฎเกณฑ์และการจัดเก็บภาษี (Regulation and Taxation) สำหรับประเทศออสเตรเลีย แคนาดา จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกาได้คะแนนระดับ Below Average

  วันที่ 28 เมษายน 2020 Morningstar, Inc. (Nasdaq: MORN) ผู้นำด้านการวิจัยการลงทุนอิสระได้เปิดเผยข้อมูลผลการศึกษาประสบการณ์การลงทุนทั่วโลก Global Investor Experience (GIE) ที่จัดทำขึ้นทุก ๆ 2 ปี โดยเป็นการให้คะแนนด้านประสบการณ์การลงทุนกองทุนรวมของนักลงทุนใน 26 ตลาดการลงทุนในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา หัวข้อกฎเกณฑ์และการจัดเก็บภาษี (Regulation and Taxation) เป็นการประเมินโครงสร้างกฎเกณฑ์และภาษีที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวม โดยให้ระดับคะแนนแต่ละตลาดเป็น Top, Above Average, Average, Below Average, and Bottom

  มอร์นิ่งสตาร์ให้คะแนนระดับ Top แก่ประเทศเนเธอร์แลนด์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงถึงการมีกฎเกณฑ์และการจัดเก็บภาษีที่เป็นมิตรกับตลาด ในทางตรงกันข้ามมอร์นิ่งสตาร์ให้คะแนนระดับ Below Average กับประเทศออสเตรเลีย แคนาดา จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา เนื่องจากยังต้องมีการปรับปรุงระเบียบแบบแผนในด้านกฎเกณฑ์และภาษี มอร์นิ่งสตาร์ไม่ได้ให้คะแนนระดับ Bottom ในตลาดใดเนื่องจากในทุกตลาดมีมาตรการเพื่อปกป้องคุ้มครองนักลงทุน

  Aron Szapiro ดำรงตำแหน่ง Head of Policy Research ของมอร์นิ่งสตาร์ และหนึ่งในผู้เรียบเรียงรายงานผลการศึกษานี้กล่าวว่า “หากจะพูดถึงด้านกฎเกณฑ์และการจัดเก็บภาษีของอุตสาหกรรมกองทุน เรามองหานโยบายที่ส่งเสริมให้นักลงทุนประสบความสาเร็จอย่างแท้จริง เช่น มาตรการภาษีที่สร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุน รวมทั้งกฎเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมความโปร่งใส และจำกัดเหตุที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เราพบว่าผู้มีอานาจควบคุมในสหรัฐฯ และแคนาดามีการใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามแนวทางการปฏิรูปไม่ได้ก้าวทันตามประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทาให้สหรัฐฯ และแคนาดายังคงได้คะแนนระดับ Below Average อย่างต่อเนื่องในการศึกษาหัวข้อนี้

  Andy Pettit, ดำรงตำแหน่ง Director of policy research, EMEA, และหนึ่งในผู้เรียบเรียงรายงานผลการศึกษานี้กล่าวว่า “แนวโน้มการใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อปกป้องคุ้มครองนักลงทุนกองทุนรวมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การจัดทำรายงานในรอบปี 2017 เราเห็นว่าในหลายตลาดมีการกระตุ้นให้ประชากรทุกกลุ่มลงทุนเพื่อประโยชน์ทางภาษีหรือมีการใช้กฎเกณฑ์เพื่อให้ค่าธรรมเนียมกองทุนต่ำลง เช่น บังคับการเปิดเผยข้อมูล”

รายงานการศึกษาหัวข้อกฎเกณฑ์และการจัดเก็บภาษี (Regulation and Taxation) สามารถดูได้ ที่นี่ โดยประเด็นสำคัญมีดังนี้

  • ประเทศเนเธอร์แลนด์ สวีเดน และสหราชอาณาจักรได้คะแนนระดับสูงสุด แม้ว่าจะไม่มีประเทศใดมีระบบภาษีที่ดีที่สุด แต่ประเทศเหล่านี้ให้สิทธิประโยชน์เพื่อเป็นแรงจูงใจให้บุคคลทั่วไปลงทุนได้เป็นอย่างดี สหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายมาตรการการลงทุนภาคบังคับอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเนเธอร์แลนด์มีจุดเด่นในการห้ามเก็บค่าธรรมเนียมการขาย และสวีเดนมีจุดเด่นในด้านการกากับดูแลที่เข้มงวด รวมทั้งเป็นผู้นาการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ ESG

  • ประเทศในทวีปยุโรปภายใต้การกำกับดูแลของ MiFID II ได้คะแนนในระดับ Average เป็นอย่างต่า เนื่องจากเกณฑ์การลงทุนกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ เช่น soft-dollar commissions และมีความโปร่งใสที่มากขึ้น

  • ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกายังคงเป็นรองตลาดอื่นเช่นเดิม ประเทศเหล่านี้มีกฎเกณฑ์บังคับใช้แนวปฏิบัติและแนวทางการขายที่เพียงพอตามมาตรการขั้นพื้นฐาน และนักลงทุนสามารถได้รับประสบการณ์การลงทุนที่ดี อย่างไรก็ตามประเทศเหล่านี้ยังคงขาดมาตรฐานที่ประเทศอื่นใช้กำกับดูแลด้านความขัดแย้งทางผลประโยชน์และสร้างแรงจูงใจหรือให้สิทธิประโยชน์การลงทุน นอกจากนี้ทั้งประเทศออสเตรเลีย แคนาดาและสหรัฐอเมริกายังตามหลังประเทศอื่นในด้านนโยบายทางภาษี ทำให้อาจเป็นอุปสรรคหรือขาดแรงจูงใจให้เกิดการลงทุน

  • ประเทศญี่ปุ่นมีคะแนนลดลงไปที่ระดับ Below Average แม้ว่าจะมีการพัฒนาเชิงบวก ประเทศญี่ปุ่นตกไปที่ระดับ Below Average จากระดับ Average เนื่องจากทางมอร์นิ่งสตาร์มีการปรับปรุงระเบียบวิธีการให้คะแนนโดยจะเน้นไปที่นโยบายการปฏิบัติงานและการขายกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งเป็นด้านที่ตลาดอื่นมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นไม่มีข้อบังคับการเปิดเผยข้อมูลต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายด้าน third-party research ที่จ่ายจากกองทุนรวม รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยรายงานความขัดแย้งทางผลประโยชน์เกี่ยวกับผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้ขาย

  • ประเทศจีนยังขาดการส่งเสริมให้มีการออมเพื่อการเกษียณที่เพียงพอ รวมทั้งการสนับสนุนการลงทุนผ่านกองทุนรวมในวงกว้าง ประเทศจีนมีเพียงโครงการบำเหน็จบำนาญที่บริหารจัดการโดยภาครัฐโดยไม่มีรูปแบบกองทุนแบบกำหนดเงินสมทบภาคบังคับอื่นใด นอกจากนี้กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลของต้นทุนค่าใช้จ่าย third-party research และ soft dollars ค่อนข้างหละหลวม ถึงแม้ว่าจีนมีความพยายามที่จะเปิดตลาดทุนมากขึ้น ตัวเลือกของกองทุนยังคงจำกัดอยู่กับกองทุนในประเทศ

  • การเติบโตของ ETF ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกการลงทุนมากขึ้นในหลายตลาด แม้ว่าผู้ขายจะมีแรงจูงใจที่จะเสนอขายกองทุนเปิดมากกว่าก็ตาม นอกจากนี้การเก็บภาษีจาก ETF อาจมีความแตกต่างในแต่ละตลาด ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาที่มีความต่างด้านภาษีที่เป็นประโยชน์กับ ETF ในขณะที่จะทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยในนิวซีแลนด์จะเสียประโยชน์ทางภาษีหากลงทุน ETF

  • แม้กองทุนในหลายประเทศยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมการขายจากค่าใช้จ่ายกองทุน แต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น มีการห้ามเก็บค่า commission ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ขณะเดียวกันในฮ่องกงหากตัวกลางได้รับผลประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบตัวเงินหรือรูปแบบใดจากผู้ออกกองทุนแล้วจะไม่ถือว่าเป็นตัวกลางอิสระ

  • จากทั้งหมด 26 ตลาดที่เราทำการศึกษามีเพียงสิงคโปร์และฮ่องกงที่ไม่เก็บภาษีใด ๆ จากผู้ลงทุนกองทุนรวม ในหลายตลาดมีการยกเว้นการเก็บภาษีจากกาไรส่วนต่างหากผู้ลงทุนยังถือครองหน่วยอยู่ แต่ก็อาจมีการเก็บจากส่วนอื่น ในขณะที่สหรัฐฯ และออสเตรเลียจะต่างจากตลาดอื่นคือมีการเก็บภาษีจากกาไรส่วนต่างจากกองทุนซึ่งจะส่งผลกระทบไปที่ผู้ลงทุนที่ยังถือครองกองทุนนั้น ๆ อยู่

Methodology
  การศึกษาประสบการณ์การลงทุนทั่วโลกนี้เป็นการสะท้อนมุมมองของมอร์นิ่งสตาร์ว่าปัจจัยใดทาให้นักลงทุนกองทุนรวมมีประสบการณ์การลงทุนที่ดี การศึกษานี้พิจารณาจากข้อมูลกองทุนรวมและอีทีเอฟที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นหลักซึ่งการลงทุนทั้งสองแบบนี้ถือเป็นทางเลือกสาหรับนักลงทุนโดยทั่วไป ในรายงานนี้มอร์นิ่งสตาร์ประเมินแต่ละตลาดใน 4 ด้านหลักคือ นโยบายและมาตรการสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษี, เกณฑ์การปฏิบัติงานและการขาย, การกำกับดูแล, และโครงสร้างของกฎเกณฑ์

  การปรับเปลี่ยน Methodology เพื่อให้น้ำหนักมากขึ้นในส่วนของเกณฑ์การปฏิบัติงานและการขายส่งผลให้มีทั้งประเทศที่มีคะแนนที่สูงขึ้นหรือต่าลงกว่าระดับ Average เทียบกับการศึกษาครั้งก่อน ซึ่งมอร์นิ่งสตาร์เห็นว่าจะช่วยให้สามารถบ่งชี้ได้ว่าตลาดใดมีแนวปฏิบัติที่ดีและตลาดใดควรมีการปรับปรุง

  รายงานนี้เป็นส่วนต่อจากรายงานค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย (Fee and Expenses) ที่ได้เปิดเผยไปเมื่อกันยายน 2019 โดยมอร์นิ่งสตาร์คาดว่าจะทำการศึกษาในหัวข้ออื่น ๆ ต่อไปในปีนี้

Let's block ads! (Why?)



"ภาคบังคับ" - Google News
April 28, 2020 at 10:26AM
https://ift.tt/3eQ4vc2

มอร์นิ่งสตาร์ เผย สิงคโปร์-ฮ่องกง เป็น2ใน26ตลาดที่ไม่เก็บภาษีกองทุนรวม - efinanceThai
"ภาคบังคับ" - Google News
https://ift.tt/2YaK1os
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update

Bagikan Berita Ini

0 Response to "มอร์นิ่งสตาร์ เผย สิงคโปร์-ฮ่องกง เป็น2ใน26ตลาดที่ไม่เก็บภาษีกองทุนรวม - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.