เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. ... โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงถึงหลักและเหตุผลว่า ด้วยเหตุที่คณะรัฐมนตรีลงมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญ จึงขอเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้
โดยหลักการคือการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ซึ่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2556 ที่ใช้บังคับในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และยังขาดกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำและเสนอร่างกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรา 133 (3) มาตรา 256 (1) และมาตรา 258 ค. (4) ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ด้านนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การเสนอกฎหมายที่ผ่านมาเกิดจากความเสียสละเวลาและเงินทุนของประชาชน แต่กลับถูกยุติและปัดตกไปได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่กว่าจะลงทุนลงแรงทำมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วมีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลมาจำกัดสิทธิของประชาชน หรือเป็นเพราะมาจากหลักคิดที่ว่า อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชนใช่หรือไม่ เพื่อให้อำนาจของประเทศนี้เป็นของคนส่วนน้อยตลอดไป
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า สิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรช่วยดำเนินการให้ทั้งในการจัดทำร่างกฎหมาย และการรับและรวบรวมหลักฐานการร่วมเข้าชื่อ ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวนั้น ตนเป็นห่วงเรื่องที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งหน่วยงานและบุคลากรเพื่อมารองรับภารกิจ
นายวิษณุ ชี้แจงอีกว่า การออกกฎหมายครั้งนี้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ แต่โดยกลไกแล้วก็ต้องมอบให้องค์กรนี้ เพราะถ้ามอบให้คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นของฝ่ายบริหาร ก็อาจจะเกิดปัญหาความคลางแคลงใจกันขึ้นมาอีก ทั้งนี้ เชื่อว่าบุคลากรได้พัฒนาขีดความสามารถมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องงบประมาณนั้นก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้ต่อเนื่องกัน 3 ปี รวมถึงการจัดหาเครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศก็จะมีการดำเนินการเพื่ออำนวยประโยชน์ต่อไปด้วย อย่างไรก็ตาม มีถ้อยคำหลายคำในร่างกฎหมายที่อาจจะเกิดปัญหาจริงอย่างที่หลายท่านเป็นห่วง ซึ่งต้องขออนุญาตนำไปปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการต่อไป
จากนั้นที่ประชุมรัฐสภาจึงลงมติรับหลักการด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 504 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี งดออกเสียง 49 เสียง และไม่ลงคะแนน 3 เสียง พร้อมทั้งตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 49 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน.
"หลัก" - Google News
August 04, 2020 at 04:58PM
https://ift.tt/30tBxcV
จวกพ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอก.ม. ใช้หลักคิดอำนาจไม่ได้เป็นของปชช. - เดลีนีวส์
"หลัก" - Google News
https://ift.tt/3cQVaPs
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://koi.prelol.com/
Bagikan Berita Ini
0 Response to "จวกพ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอก.ม. ใช้หลักคิดอำนาจไม่ได้เป็นของปชช. - เดลีนีวส์"
Post a Comment