Search

แนะกระจายลงทุนรับเทรนด์โลกหลังโควิด-19 - โพสต์ทูเดย์

koi.prelol.com

แนะกระจายลงทุนรับเทรนด์โลกหลังโควิด-19

วันที่ 28 ส.ค. 2563 เวลา 13:26 น.

บลจ.กสิกรไทย ไม่หวั่นการเมือง แนะนักลงทุนจัดพอร์ตกระจายเสี่ยง เชื่อตลาดหุ้นไทยแตะ 1400 จุด

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ไม่เคยเจอมาก่อน 27 ปี จากผลกระทบโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ขยายตัวลดลง 10% หรือ คิดเป็นมูลค่าลดลงกว่า 5 แสนล้านล้านบาท ประมาณ 3 แสนล้านบาท มาจากการปิดกองทุนรวมจำนวน 4 กองทุน ของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ส่วนมูลค่าที่หายไปส่วนที่เหลือมาจากมูลค่าของกองทุนที่ลดลงตามตลาดหุ้นและเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูมูลค่าเดือนต่อเดือน พบว่า อุตสาหกรรมกองทุนรวมเริ่มมีมูลค่ากลับเข้ามาลงทุน 3 หมื่นล้านบาท มาจากสภาพคล่องในระบบที่จำนวนมาก และอุตสหากรรมกองทุนรวมยังมีทิศทางที่เติบโตได้

"การลงทุนในกองทุนรวมยังเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากดอกเบี้ยต่ำการฝากเงินได้ผลตอบแทนสูงการลงทุนในกองทุนรวมไม่ได้ นอกจากนี้การผลักดันกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติ (กบช.) หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ ทำให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในครึ่งปีหลัง 2563 และในอนาคต บลจ.กสิกรไทยแนะนำห้ผู้ลงทุนบริหารพอร์ตโดยการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก (Multi Asset)" นายวศิน กล่าว

นายวศิน กล่าวว่า ผู้ลงทุนสามารถแบ่งสัดส่วนของพอร์ตออกเป็นพอร์ตหลัก (Core Portfolio) ซึ่งแนะนำให้มีน้ำหนักมากกว่า 50% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) โดยบลจ.กสิกรไทย แนะนำกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME) เป็นพอร์ตหลัก ซึ่งมีนโยบายที่เน้นกระจายสินทรัพย์หลากหลายประเภทกว่า 2,500 สินทรัพย์ทั่วโลก ผ่านกลยุทธ์การบริหารที่ยืดหยุ่นและปรับพอร์ตให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดได้

สำหรับพอร์ตเสริมขอแนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV) ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีน A-Shares ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน (K-CHANGE) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) และสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยกองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 52.60% ต่อปี สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัด MSCI ALL Country World ซึ่งอยู่ที่ 2.88% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 63) และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ โปรแอคทีฟ (K-FIXEDPRO) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระดับ Investment Grade ทั้งไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย โดยมุ่งหวังผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนตราสารหนี้ทั่วไป “สำหรับมุมมองต่างประเทศ ตลาดหุ้นได้สะท้อนการรับรู้ข่าวดีของพัฒนาการผลิตวัคซีนจากตัวเลขดัชนีชี้วัดต่างๆ ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่หลายประเทศยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด ในส่วนของมุมมองในประเทศ ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงมีสภาพคล่องและเสถียรภาพ โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนในระยะสั้น ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยคาดการณ์เป้าหมาย SET Index ในปีนี้ที่ระดับ 1350 จุด และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นแตะระดับ 1400 จุด หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเป็นระยะได้” นายวศินกล่าว

นาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกขยายตัวติดลบทุกประเทศ ยกเว้น จีน กับ อินเดีย ขยายตัวเป็นบวกแม้ไม่ว่าได้สูง การลงทุนหุ้นใน 2 ประเทศนี้ จึงยังให้ผลตอบแทนที่ดี

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นไทยให้ผลตอบแทนต่ำมากเทียบกับผลตอบแทนตลาดหุ้นโลก เนื่องจากต่างประเทศมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากส่วนของหุ้นไทยมีน้อย ส่วนใหญ่หุ้นไทยยังติดอยู่กับการลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ กับหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวกับเศรษฐกิจมาก

" 23 มี.ค. 2563 จุดต่ำสุดของตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 30-40% แต่หลังจากนั้นการฟื้นตัวของหุ้นแต่ละกลุ่มกลับมาไม่เท่ากัน หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลับมาขยายตัวกว่า 170% ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นกลับมาขยายตัวได้ไม่ถึง 10% คาดว่าหุ้นไทยมีกำไรลดลง 41.9% ต่ำกว่าในภูมิภาค อย่างไรก็ตามคาดว่าปลายปีหุ้นไทยแตะ 1400 จุด ได้ รับข่าวการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ได้สำเร็จ และผลตอบแทนของหุ้นไทยปรับตัวลงมามากแล้ว" นางสาวธิดาศิริ กล่าว

นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย คือการแพร่ระบาดรอบสองของโควิด-19 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเร็วหรือช้า ส่วนความเสี่ยงด้านการเมือง เสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่น่ากังวลมาก ตลาดให้ความสนใจเศรษฐกิจโลก การพัฒนาวัคซีน มากกว่า

Let's block ads! (Why?)



"ภาคบังคับ" - Google News
August 28, 2020 at 01:33PM
https://ift.tt/2EBLgFM

แนะกระจายลงทุนรับเทรนด์โลกหลังโควิด-19 - โพสต์ทูเดย์
"ภาคบังคับ" - Google News
https://ift.tt/2YaK1os
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://koi.prelol.com/

Bagikan Berita Ini

0 Response to "แนะกระจายลงทุนรับเทรนด์โลกหลังโควิด-19 - โพสต์ทูเดย์"

Post a Comment

Powered by Blogger.