Search

“ประยุทธ์” รวมศูนย์อำนาจการเมือง-เศรษฐกิจ : มือถึงรอด กึ๋นไม่ถึงร่วง - ไทยรัฐ

koi.prelol.com

ตามสภาพรัฐบาลเสียงแน่นกว่า 276 เสียง แต่เพี้ยนไปเพี้ยนมาตามภาวะการต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ โทษฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ นับองค์ประชุมไม่ได้ เพราะต้องเล่นตามเกมเสียงข้างน้อย

เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ด้อยคุณภาพ

ที่สำคัญมันคือคำตอบโดยอัตโนมัติกับการที่ ส.ส.2-3 รายออกมาฮึดฮัดใส่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่พูดถึงรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ที่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพในการรับมือมหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิด ย้อนศรถามสภาผู้แทนฯไทยมีความผิดอะไร

โดยสภาพการณ์ถึงจุดที่สภาล่ม เหตุคาบเกี่ยวเกมต่อรองผลประโยชน์ ความผิดชัดๆ การ “ยุบสภา” ดัดหลังภาวะป่วนทางการเมืองรัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่ จึงถือเป็นวิถีปกติ

เมื่อถึงจุดที่ผู้นำประเมินอนาคต ลากไปต่อ “ลบ” มากกว่า “บวก”

ภายใต้บรรยากาศที่คอการเมืองรู้สึกได้ อารมณ์เหมือนช่วงท้ายๆของรัฐบาลกับการที่ผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จัดโปรแกรมเดินสายพบกองบรรณาธิการสื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เพื่อรับฟังความเห็นประกอบการแก้โจทย์ยากๆ

ภารกิจฟื้นฟูประเทศจากวิกฤติโรคระบาด

ตามแผนยุทธศาสตร์ที่ พล.อ.ประยุทธ์แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ จะนำพาประเทศฝ่ามหันตภัยเศรษฐกิจโควิดด้วยการบริหารตามแนววิถีปกติใหม่

กระตุ้นพลังทุกฝ่ายเดินหน้ารวมไทยสร้างชาติ

ถือเป็นการปรับบทบาทแบบ 180 องศา เปลี่ยนท่าทีจาก “บิ๊กตู่” ที่ปกติจะโผงผาง มั่นใจในตัวเอง ไม่ฟังใคร มาเป็นการทอดไมตรี เดินสายรับฟังเสียงสะท้อนผ่านสื่อหนังสือพิมพ์

สไตล์ผู้นำรุ่นอาวุโสที่เน้นประสบการณ์เป็นตัวตั้งในเชิงบริหาร

“บิ๊กตู่” โชว์ new normal ภาคปฏิบัติ ล้อตามหลักการหรู

แต่ในมุมของพรรคเพื่อไทยวิจารณ์เป็นเพียงแค่อีเวนต์ทางการเมือง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสังคม ทั้งเรื่องบ้อท่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความล่าช้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐให้ไปสนใจกิจกรรมที่เขาต้องการเป็นคนกำหนดขึ้นเท่านั้น

ฝ่ายค้านโชว์เหลี่ยมดักคอรู้ทัน ไล่ตามดิสเครดิตทันทีทันควัน

ซึ่งนั่นก็ล้อไปกับทิศทางข่าว โดยเนื้อหาสาระหลักของการที่นายกรัฐมนตรีเข้าพบผู้บริหารกองบก.หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หนีไม่พ้นต้องเจอกับคำถามเดียวกันทุกสำนัก

โดนซักไซ้ประเด็นการปรับ ครม.

ขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็หนีไม่ออก ต้องยอมระแคะระคาย แบะท่าแบไต๋ ยกระดับความชัดเจนไปอีกขั้น ยืนยันพร้อมขยับปรับเปลี่ยนในช่วงเวลานับแต่นี้ไป แต่ไม่ระบุวัน ว. เวลา น.

ขอให้ผ่านห้วงคับขัน บริหารวิกฤติโควิดนิ่งก่อน

โดยเฉพาะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ลุล่วง และการจัดการบริหารเงินกู้ 4 แสนล้านบาท อัดงบฯฟื้นฟูเศรษฐกิจโควิดให้ตรงเป้าเข้าจุด

ยังเว้นช่องไฟ เผื่อเวลาดึงจังหวะตีกรรเชียง

ณ ชั้นนี้ยึดเอาตามที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดชัดกับทีม บก.ไทยรัฐ กรุ๊ป ต้องปรับทีมเศรษฐกิจ โดยไม่แตะต้องโควตาพรรคร่วมรัฐบาล เน้นตามโพยพรรคพลังประชารัฐที่มีการปรับเปลี่ยนอำนาจการบริหารภายในใหม่ เกลี่ยโควตากันตามเสียง ส.ส. กระแสสังคม ความเหมาะสมในเชิงบริหาร

สงวนสิทธิ์อำนาจตัดสินใจ “ทุบโต๊ะ” เป็นคนสุดท้าย

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์วัดใจ เมื่อมีการขยับทางการเมืองช็อตสำคัญของทีม “4 กุมาร” เมื่อนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ ตัดสินใจไขก๊อก

แถลงลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

พลิกสถานะจากรัฐมนตรีโควตา พปชร.มาเป็นโควตากลางของนายกรัฐมนตรี

โดย “4 กุมาร” ยังทำงานต่อไปในฐานะรัฐมนตรี เลี่ยงแรงกดดันจากกลุ่มก๊วนพรรคพลังประชารัฐ หลบด้านหลังนายกฯที่การันตีเองเลยว่าทุกคนทำงานดี สั่งการในที่ประชุม ครม.ตลอด

บริหารดี ไร้ความผิด จะโละต้องอธิบายยากหน่อย

ยิ่งตามหลักการหรู บริหารแบบ new normal มันก็ยิ่งย้อนศรพันคอ

แค่ภาพเปรียบเทียบระหว่างช็อตนายอุตตมนำทีม 4 กุมารแถลงลาออกจากพรรคพลังประชารัฐในโรงแรม ตามถ้อยแถลงการณ์จากกันอย่างผู้ดีกับภาพแกนนำพรรคพลังประชารัฐคล้องแขนชูมือกับ “บิ๊กป้อม” วันแห่เทียบเชิญหัวหน้าพรรคที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยมี ส.ส.ลูกแถวส่งเสียงโห่ไล่ผู้บริหารพรรคชุดเก่า

ประชาชนคนนอกแยก “น้ำดี” กับ “น้ำเน่า” ได้ด้วยตาเปล่าเลย

แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์มันคือโจทย์ยาก อธิบายกันลำบาก หากจะต้องชั่งน้ำหนัก ฟันธงเลือกระหว่างกระแสสังคมภายนอกกับตัวเลข ส.ส.ตามโควตารัฐมนตรีภายในพรรคร่วมรัฐบาล

สถานการณ์บีบให้อยู่ในวังวน “old normal” สูตรการเมืองโบราณ

และจับอาการก็เหมือนจะหนีสภาพการเมืองภาคบังคับไม่ออก เมื่อโฟกัสจากประโยคคำถามในวงไทยรัฐ กรุ๊ป ที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบแบบชัดถ้อยชัดคำ

มั่นใจที่ พล.อ.ประวิตรช่วยดูแลพรรคพลังประชารัฐให้

โดยเฉพาะกับกรณีกลุ่ม 4 กุมารแถลงลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่นักลงทุนมองว่าอาจกระทบความเชื่อมั่นหากนายอุตตม ลาออกจาก รมว.คลัง

เป็นครั้งแรกที่ “บิ๊กตู่” ประกาศย้ำสถานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริง

นั่นไม่ชัดเท่ากับร่ายยาวเป็นฉากๆ “ลาออกก็มีคนทำ ผมก็เป็นหัวหน้าเหมือนเดิม จริงแล้วผมเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่ใช่เหรอ ข้อมูลผมก็ฟังจากที่ปรึกษา จากธนาคาร จากหอการค้า ผู้ประกอบการ ฟังข้อมูลทั้งหมดด้านเศรษฐกิจมหภาค จุลภาค แล้วมาคัดกรอง การเมืองอย่ามองตัวเลขอย่างเดียว”

“ต้องมองความเป็นหนึ่งของรัฐบาลทั้งคณะ ทั้ง ครม. สมมติถ้ากระทรวงนี้ไม่มีคนใช่ไหม คุณลาออกใช่ไหม ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีแทน ไม่ใช่ไม่มีรัฐมนตรีนะ แล้วนายกฯกำกับอีกทีหรือให้รองนายกฯลงมาดูก็ได้ในการบริหาร ถ้าไม่มีจริงๆก็ใช้ปลัดกระทรวง เพื่อให้การทำงานเดินได้ ทุกกระทรวงต้องผ่านเข้า ครม. รัฐบาลต้องรับผิดชอบ”

สะท้อนอาการมั่นใจ ติดใจ “ศบค.โมเดล”

“บิ๊กตู่” ฉวยสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมศูนย์อำนาจการเมืองและเศรษฐกิจ

ในมุมที่เข้าใจได้ ผู้นำต้องยกระดับการบริหาร ตัดสินใจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แน่นอน ถ้าได้ข้าราชการมือดี ตัวช่วยบริหารเก่งภายใต้นายกฯถือธงนำเดี่ยวก็ไปโลด มีหวังพ้นวิกฤติ ไปสู่ความโชติช่วงชัชวาล แต่ตรงกันข้ามถ้าได้พวกกึ๋นไม่ถึง กลายเป็น “รัฐราชการ” ถ่วงประเทศล่าช้าอืดอาด และยังไปรวมหัวกับนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชันซ้ำโรคระบาด

จากประชาชน “รอด” จะกลายเป็นประเทศ ชาติ “ร่วง”

“บิ๊กตู่” จะติดบ่วงวิบากกรรมหนัก.

“ทีมการเมือง”

Let's block ads! (Why?)



"ภาคบังคับ" - Google News
July 12, 2020 at 05:03AM
https://ift.tt/2ZhPxpC

“ประยุทธ์” รวมศูนย์อำนาจการเมือง-เศรษฐกิจ : มือถึงรอด กึ๋นไม่ถึงร่วง - ไทยรัฐ
"ภาคบังคับ" - Google News
https://ift.tt/2YaK1os
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://koi.prelol.com/

Bagikan Berita Ini

0 Response to "“ประยุทธ์” รวมศูนย์อำนาจการเมือง-เศรษฐกิจ : มือถึงรอด กึ๋นไม่ถึงร่วง - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.