Search

ทั่วโลกติดโควิด7.8ล.ตาย4.3แสนUSบราซิลยังหนัก-จีนเพิ่ม57คน - สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น

koi.prelol.com

เว็บไชต์ Worldometers รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2563 พบว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก รวม 7,860,506 ราย เสียชีวิต 432,194 และรักษาหายแล้ว 4,035,787 ราย

สำหรับประเทศที่พบผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับ ประกอบด้วย

1.ประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อ 2,142,224 เพิ่มขึ้น 25,302 ราย เสียชีวิต 117,527 เพิ่มขึ้น 702 ราย รักษาหาย 854,106 ราย

2. ประเทศบราซิล พบผู้ติดเชื้อ 850,796 เพิ่มขึ้น 20,894 ราย เสียชีวิต 42,791 เพิ่มขึ้น 890 ราย รักษาหาย 437,512 ราย

3.ประเทศรัสเซีย พบผู้ติดเชื้อ 520,129 เพิ่มขึ้น 8,706 ราย เสียชีวิต 6,829 เพิ่มขึ้น 114 ราย รักษาหาย 274,641 ราย

4.ประเทศอินเดีย พบผู้ติดเชื้อ 321,626 เพิ่มขึ้น 12,023 ราย เสียชีวิต 9,199 เพิ่มขึ้น 309 ราย รักษาหาย 162,326 ราย

5.สหราชอาราจักร พบผู้ติดเชื้อ 294,375 เพิ่มขึ้น 1,425 ราย เสียชีวิต 41,662 เพิ่มขึ้น 181 ราย

6.ประเทศสเปน พบผู้ติดเชื้อ 290,685 เพิ่มขึ้น 396 ราย เสียชีวิต 27,136 ราย

7.ประเทศอิตาลี พบผู้ติดเชื้อ 236,651 เพิ่มขึ้น 346 ราย เสียชีวิต 34,301 เพิ่มขึ้น 78 ราย รักษาหาย 174,865 ราย

8.ประเทศเปรู พบผู้ติดเชื้อ 220,749 ราย เสียชีวิต 6,308 ราย รักษาหาย 107,133 ราย

9.ประเทศเยอรมนี พบผู้ติดเชื้อ 187,423 เพิ่มขึ้น 172 ราย เสียชีวิต 8,867 เพิ่มขึ้น 4 ราย รักาาหาย 171,900 ราย

10.ประเทศอิหร่าน พบผู้ติดเชื้อ 184,955 เพิ่มขึ้น 2,410 ราย เสียชีวิต 8,730 เพิ่มขึ้น 71 ราย รักาาหาย 146,748 ราย

ขณะที่ในวันนี้พบว่าประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อีก 57 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 83,132 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 88 มีผู้ติดเชื้อ 3,134 เพิ่มขึ้น 5 ราย เสียชีวิต 58 ราย รักษาหาย 2,987 ราย

Let's block ads! (Why?)



"เพิ่มขึ้น" - Google News
June 14, 2020 at 10:12AM
https://ift.tt/2MUcmbI

ทั่วโลกติดโควิด7.8ล.ตาย4.3แสนUSบราซิลยังหนัก-จีนเพิ่ม57คน - สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น
"เพิ่มขึ้น" - Google News
https://ift.tt/2Y8r7Pd
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://koi.prelol.com/

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ทั่วโลกติดโควิด7.8ล.ตาย4.3แสนUSบราซิลยังหนัก-จีนเพิ่ม57คน - สำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น"

Post a Comment

Powered by Blogger.